Sponsored Links
แพทย์หญิงวีรวรรณ ลุวีระ อาจารย์ประจำคณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการปรากฏการณ์ข่าวจริง ทางสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ เกี่ยวกับ โรคพยาธิสตรองจิลอยด์ (Strongyloidiasis) ซึ่งพยาธิชนิดนี้ เป็นพยาธิตัวกลม จัดอยู่กลุ่มพยาธิที่อาศัยอยู่ในลำไส้ โดยจะไชเข้าไปทางผิวหนัง ซึ่งทุกคนสามารถเป็นได้ แต่ความรุนแรงของโรคมีหลายระดับ ขึ้นอยู่กับบุคคล
อาการของโรค “พยาธิสตรองจิลอยด์” เมื่อพยาธิไชเข้าไปในตัวแล้ว ประมาณไม่เกิดอาทิตย์ จะไปอยู่ที่ปอด ซึ่งในช่วงนี้อาจทำให้เกิดอาการไอ และประมาณ 2 สัปดาห์ พยาธิจะลงไปตามทางเดินอาหาร ผ่านทางเสมหะ และเจริญเป็นตัวเต็มวัยที่ลำไส้ อาจทำให้เกิดอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสีย , ปวดม้วนท้อง และประมาณ 1 เดือนอาจมีพยาธิปะปนออกมากับอุจจาระ
ซึ่งพยาธิชนิดนี้ สามารถเจริญเติบโตในร่างกายเราได้ เช่น หากพยาธิไปเจอกับคู่ในร่างกายของเรา ก็อาจจะมีการผสมพันธุ์ ออกลูกหลานได้ นอกจากนี้ในคนที่ภูมิคุ้มกันร่ายการไม่แข็งแรง ตัวพยาธิจะเพิ่มจำนวนเชื้อในตัวเรา อาจทำให้ผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสเลือด และอาจทำให้เสียชีวิตได้
อีกทั้งการตรวจหาพยาธินั้น ค่อนข้างยาก ยิ่งในผู้ที่เชื้อไม่เยอะ หรือไม่ได้แสดงอาการของโรคมากนัก การตรวจอุจจาระแค่ครั้งเดียวอาจไม่เจอตัวพยาธิ ต้องตรวจด้วยวิธีพิเศษ หรือตรวจเพิ่มเป็น 2-3 วัน
วิธีป้องกันตัวเองเบื้องต้นจากพยาธิสตรองจิลอยด์
1. สุขอนามัย เรื่องระบบสาธารณะสุข ต้องขับถ่ายในห้องน้ำ
2. การใส่รองเท้า
อย่างที่บอกข้างต้นแล้วว่าพยาธิร้ายตัวนี้ชอบความสกปรกโสมม และส่วนมากจะอยู่กระจัดกระจายบนพื้นดิน ดังนั้นเบื้องต้นก็ควรต้องจัดการสภาพแวดล้อมรอบตัวให้สะอาดถูกหลักอนามัยเสมอ รวมทั้งหลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าในพื้นที่สกปรกด้วยนะคะ
การรักษาพยาธิสตรองจิลอยด์เบื้องต้น
การรักษาในเบื้องต้นอาจรักษาได้ด้วยตัวยาไทอะเบนดาโซล (Thiabendazole) ซึ่งสามารถใช้รักษาโรคพยาธิสตรองจิลอยด์ได้ทั้งกรณีที่ติดเชื้อในลำไส้ และกรณีที่เชื้อแพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ โดยมีข้อเสียอยู่ที่ผลข้างเคียงค่อนข้างมาก อาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน รวมทั้งมีแนวโน้มเกิดความผิดปกติในระบบประสาทได้หากใช้ยาติดต่อกันนาน ๆ ดังนั้นผู้ป่วยในระยะแพร่เชื้อจึงควรได้รับการดูแลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิด
ส่วนกรณีที่ผู้ป่วยติดเชื้อพยาธิในลำไส้ อาจรักษาด้วยยาอัลเบนดาโซล (Albendazole) ขนาด 400 มิลลิกรัมต่อวันเพื่อรักษาอาการเบื้องต้นไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม การกินยาถ่ายพยาธิ เม็ดเดียว ครั้งเดียวไม่สามารถกำจัดได้ โดยพยาธิตัวนี้ ยาที่ใช้ค่อนข้างจะหาซื้อยาก ซึ่งทานแล้ว จะต้องทานซ้ำในอีก 2 สัปดาห์ เพื่อตัดวงจรชีวิต แต่ถ้าเป็นยาถ่ายพยาธิที่มีขายทั่วไป อาจจะต้องกินถึง 5 วัน
0 ความคิดเห็น:
Post a Comment